#

ชัดเจนนะพี่!!! เมื่อมือกฎหมายออกมาสวนกลับ หลังตำรวจติดป้ายห้ามถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอที่ด่าน งานนี้มีเงิบกันบ้างแล้ว!!!

กลายเป็นข่าวที่สร้างความข้องใจไปทั่วประเทศ เมื่อมีการแชร์ภาพด่านตรวจแห่งหนึ่ง ที่มีป้ายห้ามถ่ายรูปหรือถ่ายวีดีโอ เพราะเป็นการรบกวนการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ งานนี้เลยร้อนถึงมือกฎหมายอย่างพี่ทนายความ ที่ต้องออกมาไขข้อข้องใจแบบไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นแบบนี้
จะเห็นได้ว่าปัจจุบัน การถ่ายภาพ หรือคลิปวีดีโอ แชร์ลงสู่โลกโซเชียลเป็นเรื่องง่ายมากในปัจจุบัน และเราจะเห็นถึงเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงการปฎิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุด มีทนายคนหนึ่ง ได้ออกมาตอบคำถาม ที่เป็นประเด็นสงสัยแล้วว่า….
มีเพื่อนสมาชิกส่งรูปภาพนี้มาถามว่า การที่ตำรวจติดประกาศที่ด่านตรวจ ห้ามถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ เพราะเป็นการรบกวนขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ และมีความผิดจริงหรือไม่

 
ตอบว่า… ไม่มีบทบัญญัติ มาตราใด ใน ประมวลกฎหมายอาญา วิธีพิจารณาความอาญา หรือ พระราชบัญญัติฉบับใด ห้ามประชาชน โดยเฉพาะ ผู้ที่ถูกตรวจค้น ถ่ายรูป ถ่ายคลิปวีดีโอ ในขณะเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้า ตามกฎหมาย
โดยเฉพาะผู้ที่ถูกตรวจค้น หรือ สมาชิกในครอบครอบครัวของผู้ที่ถูกตรวจค้น ย่อมสามารถ ถ่ายรูปขณะเจ้าพนักงานตรวจค้นได้ เพราะเป็นสิทธิตามกฎหมาย ในการตรวจสอบความบริสุทธิของเจ้าพนักงานตำรวจ
และในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมมีสิทธิถ่ายได้ เพราะ เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างหนึ่ง
นอกจากนั้น กฎหมายยังบัญญัติให้เจ้าพนักงานตำรวจแสดงความบริสุทธิก่อนทำการตรวจค้น ทั้งในขณะที่ทำการตรวจค้นก็ให้ค้นต่อหน้าผู้ถูกค้นและถ้าเป็นการค้นในที่รโหฐานต้องมีพยานในการค้นด้วยอย่างน้อย 2 คน
และต้องแสดงความบริสุทธิก่อนค้น
(วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 102)
การที่เจ้าพนักงานตำรวจปฎิบัติหน้าในการตรวจค้น หรือ จับกุม ซึ่งมีประขาชนถ่ายรูป จึงเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ตามกฎหมายอย่างหนึ่ง ตาม ป.ว.อ มาตรา 102
และไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายฉบับใด ห้ามผู้ถูกค้นถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปวีดีโอ เจ้าพนักงานตำรวจในขณะตรวจค้นแต่อย่างใด
นอกจากนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังให้สัมภาษณ์ และแถลงต่อสื่อมวลชนว่า ประชาชนมีสิทธิถ่ายรูป ตำรวจขณะปฎิบัติหน้าที่ได้ ไม่เป็นความผิด
ประกาศดังกล่าว จึงไม่มีผลตามกฎหมาย ได้แต่หลอกชาวบ้านตาดำๆครับ
อนึ่ง การถ่ายคลิป ต้องไม่เป็นการขัดขวางการทำงานของตำรวจนะครับ
ประเภท : วาไรตี้
ที่มา : เฟสบุ๊ค ทนายเกิดผล แก้วเกิด
ถัดไป
« Prev Post
บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก
Next Post »