โลกของเรายังมีเรื่องราวประหลาดอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับการไขปริศนา เปิดตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญของ เอ็ดเวิร์ด มอร์เดก หนุ่มชาวอังกฤษ ตั้งแต่เกิดมาพร้อมใบหน้าปริศนาที่ด้านหลังศีรษะ มันไม่ใช่ฝาแฝด เพราะใบหน้าที่ว่า สามารถแสดงความรู้สึก พูดคุย กินอาหาร ได้ทุกอย่างเหมือนคนปกติทั่วไป
เรื่องราวของเอ็ดเวิร์ด มอร์เดกยังไม่มีหลักฐานชัดเจน เป็นเพียงตำนานเล่าขานปากต่อปากเท่านั้นมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเรื่องประหลาดบนหลังหัวของเอ็ดเวิร์ด มอร์เดก อยู่เพียง 2 ชิ้น และนั่นก็ทำให้มันกลายเป็นเรื่องลึกลับทรงอิทธิพลต่อคนรุ่นหลังพอควร
เรื่องเล่าของมอร์เดก ปรากฏครั้งแรกในฐานะเรื่องสั้นของ ชาร์ลส โลติน ฮิลเดรธ ที่ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ เดอะ บอสตัน โพสต์ อ้างว่า ทุกอย่างที่เขาเขียนคือเรื่องจริงปี 1896 มีสารานุกรมการแพทย์ชื่อ ความผิดปกติและความแปลกประหลาดทางการแพทย์ เขียนโดย จอร์จ เอ็ม. โกลด์ ซึ่งมีการเล่าเรื่องของเอ็ดเวิร์ด มอร์เดก เอาไว้ว่าดังนี้
“เอ็ดเวิร์ด มอร์เดก เป็นหนุ่มในตระกูลสูงศักดิ์ของอังกฤษ มีหน้าตาหล่อ เฉลียวฉลาด และมีพรสวรรค์ด้านดนตรีอย่างไม่น่าเชื่อ แต่น่าเสียดายที่เขาต้องพบกับชะตากรรมสุดเศร้า เพราะเกิดมาพร้อมกับใบหน้าพิเศษ ที่อยู่ด้านหลังศีรษะของเขา ใบหน้าด้านหลัง ของเอ็ดเวิร์ด ดูอย่างไรก็เป็นใบหน้าของคนจริง ๆ มีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเอง จนถึงขนาดที่สามารถพูดคุย กินอาหาร และร้องไห้ได้เป็นวรรคเป็นเวร เอ็ดเวิร์ดเรียกมันว่า "แฝดปิศาจ" เวิร์ดก็ไม่เคยได้อยู่เป็นสุขเหมือนคนทั่วไป เขาเล่าว่า แฝดปิศาจมักจะกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงคล้ายทูตนรก บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษ และเรื่องราวชวนขนหัวลุกในทุกคืน เขาเคยขอร้องให้แพทย์ผ่าตัด แต่ไม่มีแพทย์คนไหนกล้าตัดสินใจทำกระทั่งตัดสินใจปลิดตัวเองในวัย 23 ปี พร้อมทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่งว่า..
ขอให้นำหน้าปิศาจนี้ออกจากร่างกายของเขา และเผาทำลายมันทิ้งเสีย อย่าให้มันติดไปกับตัวเขาตอนฝังศพ เพราะเขากลัวเหลือเกินว่า มันจะยังคงตั้งหน้าตั้งตา กระซิบกระซาบเรื่องขนพองสยองเกล้าให้เขาฟังในหลุมศพต่อไป... และตามคำขอ ครอบครัวจัดการให้ศพของเอ็ดเวิร์ดถูกฝังไว้ใต้ดินของที่ฝังกลบขยะ โดยไม่มีป้ายหลุมศพ หรือแผ่นหินใด ๆ ที่จารึกชื่อของเขา”
เรื่องของเอ็ดเวิร์ด มอร์เดก กลายเป็นหนึ่งในตำนานสยองขวัญที่เชื่อกันว่าแท้จริงแล้ว เอ็ดเวิร์ดป่วยเป็นโรคชื่อ ไดโปรโซปุส แปลได้ว่า "คนสองหน้า"ที่เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมโดยกำเนิด